บทที่ 8 ตอนที่ 8
ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่พรักพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ความโอ่อ่าหรูหราที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง ตั้งแต่โคมไฟ พื้นห้อง ผนังห้อง และเตียงนอนขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับคนเป็นสิบคนได้สบาย
ร่างสูงใหญ่ตามแบบฉบับของหนุ่มลูกครึ่งกรีก-ไทยของริคคาโด เมเนนเดซ เจ้าพ่อแห่งวงการประกอบรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตกและตะวันออกกำลังนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่บนเตียงนอน
ดวงตาคมกล้าสีดำสนิทที่ถูกห้อมล้อมด้วยแพขนตายาวดกดำฉายความไม่พอใจออกมาชัดเจน กรามแกร่งที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยสีเขียวจางๆ จากหนวดที่พึ่งถูกกำจัดไปเมื่อเช้าบดเข้าหากันแน่น สมองนึกย้อนไปถึงสัญญาอัปยศที่บิดาทิ้งเอาไว้ให้ก่อนสิ้นใจ
มันผ่านมาสิบกว่าปีแล้วกับการที่ต้องรับรู้ว่าตัวเองมีคู่หมั้นคู่หมายที่ต้องแต่งงานด้วย ตอนนั้นเขาพึ่งจะอายุได้แค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น เลยไม่ได้สนใจใส่ใจอะไรในคำพูดของบิดามากนัก จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วที่บิดามาด่วนจากไปอย่างกระทันหันด้วยโรคหัวใจล้มเหลว พร้อมๆ กับพินัยกรรมที่ทำไว้แบ่งมรดกทุกอย่างให้กับลูกชายทั้งห้าคน
เขาเป็นพี่ชายคนโตของตระกูลเมเนนเดซ ได้ครอบครองกิจการยานยนต์ทั้งหมดของตระกูล ตามด้วยน้องชายคนรอง ดิมิเทรียส เมเนนเดซ ได้ครอบครองธุรกิจโรงแรมทั่วโลกของตระกูล ส่วนน้องชายคนที่สามของเขาก็คือ ลูเซียส เมเนนเดซ รายนั้นได้รับมรดกเป็นธุรกิจสายการบินของตระกูลทั้งหมด และน้องชายคนที่สี่ สเตฟาโน เมเนนเดซ ได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีมากกว่าจำนวนตึกในกรุงเอเธนส์ไปครอง และสุดท้ายคือ แองเจลอส เมเนนเดซ น้องชายคนสุดท้อง รายนี้ได้รับธุรกิจที่เกี่ยวกับห้างสรรพสินค้าทั้งหมดของตระกูลไปครอบครอง
แต่ระหว่างที่พี่น้องทุกคนของเขากำลังมีความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่ในเกมธุรกิจและสงครามในห้องนอน เขากลับต้องบินมาเมืองไทยเพื่อมารับตัวเจ้าสาวที่ถูกบิดาบังคับให้แต่งงานด้วยอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ในพินัยกรรมระบุไว้อย่างชัดเจน...
‘ริคคาโดลูกชายคนโตของจาลอส และรติยา เมเนนเดซ ต้องแต่งงานกับลูกสาวของนายอยุธ วิโชคาศักดิ์ ก่อนที่ริคคาโดจะอายุครบสามสิบห้าปีบริบูรณ์ ไม่เช่นนั้นธุรกิจยานยนต์ทั้งหมดที่อยู่ในความดูแลของริคคาโดจะต้องตกเป็นของลูกสาวของนายอยุธทั้งหมดทันที เว้นเสียแต่ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายบอกเลิก ทุกอย่างถึงจะถือว่าเป็นโมฆะ’
แม้จะสงสัยยิ่งนักว่า ทำไมบิดาถึงไม่บอกเรื่องที่เขาต้องแต่งงานก่อนอายุครบสามสิบปีบริบูรณ์ให้เขาทราบก่อนล่วงหน้า แต่พอนึกถึงคำพูดของทนายความเก่าแก่ประจำตระกูลที่บอกให้วันเปิดพินัยกรรมแล้ว ริคคาโดก็จำต้องก้มหน้ายอมรับโดยดุษณี
“ท่านจาลอสมีกำหนดจะเปิดพินัยกรรมฉบับนี้ตอนคุณริคคาโดอายุครบสามสิบสี่ปีครับ แต่ท่านก็มาเสียไปซะก่อนหลายเดือน...”
เสียงถอนใจดังระงมออกมาจากลำคอแกร่ง ก่อนที่ร่างสูงตระหง่านจะลุกขึ้นยืนจากเตียง เดินไปทรุดตัวนั่งลงที่หน้าโต๊ะกระจกบานใหญ่ มือหนาสีแทนเปิดลิ้นชักหยิบอุปกรณ์แปลงโฉมออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“อย่าจะรู้นักว่าจะทนได้แค่ไหนกัน แม่ผู้หญิงเห็นแก่เงิน...”
กรามแกร่งบดเข้าหากันอีกครั้ง ขณะลงมาแต่งแต้มรอยแผลลงบนใบหน้าที่หล่อเหลาปานเทพบุตรกรีกให้อัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมาได้อย่างอัศจรรย์
รอยยิ้มหยามหยันผุดขึ้นที่มุมปากหยักสวยที่เหล่าสตรียังพากันอิจฉาในความสมบูรณ์แบบของริคคาโด ขณะบรรจงสวมผมปลอมแสนรุงรังลงบนศีรษะแทนทระนงของตัวเอง ก่อนจะหยิบหนวดปลอมขึ้นมาติดเหนือริมฝีปากและบริเวณสันกรามไล่ลงมาถึงปลายคาง
“ฉันพร้อมจะทำให้เธอฝันกระเจิงแล้ว รุจิรา...”
เสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอดังขึ้น ขณะที่ร่างสูงใหญ่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และก้าวยาวๆ ไปหยุดที่ประตูด้านข้างห้องนอนของตัวเอง ที่มันเชื่อมต่อกับห้องอีกห้องหนึ่ง ที่เขาสั่งให้ลิเดียพาแม่ผู้หญิงคนนั้นไปรอ
รอยยิ้มกระด้างแสนอำมหิตระบายที่มุมปากทั้งสองข้าง ก่อนที่ประตูไม้จะถูกกระชากออก และร่างของริคคาโดก็ก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องนั้นทันที
อรลออเดินตามร่างของลิเดียมาตามทางเดินที่เป็นหินอ่อนสีสวยและถูกปูทับด้วยพรมหนานุ่มด้วยความขลาดกลัว หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ยิ่งเดินออกมาไกลเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งใกล้กับผู้ชายคนนั้นเข้าไปทุกขณะ
สายลมแห่งความโหดร้ายพัดถล่มจิตใจมากขึ้นทวีคูณ ความเจ็บร้าว ตื่นกลัว เจืออยู่ในกระแสโลหิต มันไหลแล่นไปทั่วทั้งสารพางค์กาย
“ที่นี่แหละ...”
และชะตาของหล่อนก็ถูกสะบั้นให้ขาดลงทันที เมื่อร่างของลิเดียหยุดนิ่งที่หน้าห้องใหญ่ห้องหนึ่ง เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามไรผม ขณะที่มือบางชื้นเหงื่อกำเข้าหากันแน่น ร่างอรชรสั่นเทาจนแทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่ ใบหน้างามซีดเผือดไม่ต่างจากกระดาษ
“เอ่อ... ฉัน... ฉันยังไม่พร้อม...”
น้ำเสียงที่หลุดออกไปนั้นสั่นไม่แพ้กับกลีบปากอิ่มสีแดงสดแม้แต่น้อย น้ำตาปริ่มคลออยู่ขอบตา มองลิเดียอย่างขอความเห็นใจ แต่สิ่งที่ลิเดียตอบกลับมานั้น ทำให้อรลออได้แต่นึกสงเวชตัวเอง
“ทางเลือกของคุณมันเป็นศูนย์ ตั้งแต่ตอนที่แม่จอมโลภของคุณรับเช็คเงินสดยี่สิบล้านไปแล้วล่ะ... อย่ามาทำเป็นอิดออด คุณริคคาโดรออยู่...”
ว่าแล้วลิเดียก็ยกมือขึ้นเคาะประตูไม้ตรงหน้าสองครั้ง และไม่ถึงอึดใจเสียงเข้มแสนกระด้างของบุรุษที่อยู่ภายในห้องนั้นก็เอ่ยอนุญาตออกมา เสียงนั้นยังฟังดูหนุ่มแน่นไม่ได้แก่เหมือนกับที่หญิงสาวคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก
“เข้าไปสิ...”
ลิเดียเปิดประตูออกจนหมด ขณะเร่งให้หล่อนก้าวเข้าไปข้างใน อรลออตัวสั่น หน้าตื่น มองลิเดียอย่างขอร้อง แต่ก็ได้ผลดั่งเดิม คือความใจร้าย หญิงสาวเม้มปากสีแดงสดของตัวเองแน่น ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าไปภายในห้องนั้น
